กล้องถ่ายรูปในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องมือถือ กล้องคอมแพค หรือกล้อง DSLR ล้วนมาพร้อมกับฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานก็ต้องเผชิญกับความซับซ้อนของโหมดและการตั้งค่าต่างๆ บนกล้องด้วย
หนึ่งในสิ่งแรกที่มือใหม่หัดถ่ายจะต้องทำความเข้าใจ คือ “โหมดถ่ายภาพ” หรือ Shooting Modes เป็นตัวกำหนดวิธีการที่กล้องจะควบคุมค่ารูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ ค่าความไวแสง (ISO) รวมถึงพารามิเตอร์อื่น ๆ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามตามเจตนาของเรา
ซึ่งแต่ละโหมดจะเหมาะสำหรับผู้ใช้งานและสถานการณ์ที่แตกต่างกัน การเข้าใจถึงลักษณะเฉพาะ ข้อดี ข้อจำกัด ของแต่ละโหมด จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การถ่ายภาพในแบบที่เราต้องการได้มากที่สุด
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับโหมดถ่ายภาพต่างๆ บนกล้องดิจิทัลกันอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานกล้องได้อย่างคุ้มค่า สนุกไปกับการถ่ายภาพ และมีความมั่นใจในการสร้างสรรค์ผลงานให้โดดเด่นน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น”
เป็นโหมดที่เหมาะสำหรับมือใหม่มากที่สุด กล้องจะวิเคราะห์แสงและวัดค่าต่าง ๆ แล้วปรับตั้งความเร็วชัตเตอร์, ค่ารูรับแสง, ISO, ไวท์บาลานซ์ และโฟกัส ให้เองอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ภาพที่สว่างและชัดเจนในสถานการณ์ทั่วไป แต่เราแทบจะไม่สามารถปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมได้เลย จึงอาจได้ภาพที่ไม่ตรงใจเท่าไรนัก
โหมดนี้คล้ายกับ Auto ตรงที่กล้องจะตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงให้อัตโนมัติ เพื่อให้แสงพอดี แต่เราสามารถปรับ Exposure Compensation (ชดเชยแสง) ได้ ถ้าต้องการภาพที่สว่างขึ้นหรือมืดลงกว่าที่กล้องตั้งให้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกค่า ISO เปลี่ยนไวท์บาลานซ์ หรือเลือกจุดโฟกัสเองได้ จึงเป็นโหมดที่ยืดหยุ่นกว่า Auto โดยที่ยังให้กล้องช่วยตั้งค่าหลัก ๆ ไว้ให้
ในโหมดนี้ เราจะเป็นผู้กำหนดค่ารูรับแสง (F) เอง เพื่อควบคุมปริมาณแสงและความชัดลึก-ตื้นของภาพ ส่วนความเร็วชัตเตอร์นั้นกล้องจะปรับให้อัตโนมัติ เพื่อให้แสงสมดุลกับรูรับแสงที่เราเลือกไว้ เหมาะสำหรับถ่ายภาพที่ต้องการเน้นความชัดของวัตถุ พร้อมเบลอฉากหลังให้สวยงาม เช่น ถ่ายดอกไม้, ถ่ายพอร์ตเทรต หรือต้องการภาพชัดลึก เช่น ถ่ายทิวทัศน์ ก็ทำได้เช่นกัน
ในทางกลับกัน โหมดนี้จะให้เราเลือกความเร็วชัตเตอร์เอง ส่วนรูรับแสงนั้นกล้องจะปรับให้อัตโนมัติเพื่อให้แสงเหมาะสม ความเร็วชัตเตอร์จะมีผลต่อการหยุดการเคลื่อนไหวในภาพ ถ้าใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เช่น 1/1000 วินาที จะช่วยหยุดการเคลื่อนไหวของวัตถุ ได้ภาพคมชัด เหมาะสำหรับถ่ายกีฬา ถ่ายสัตว์ แต่ถ้าใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ เช่น 1/60 หรือต่ำกว่า จะเกิดภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว (Motion Blur) ให้อารมณ์ภาพที่นุ่มนวล ใช้ถ่ายน้ำตก สายน้ำ หรือแสงไฟในเมืองตอนกลางคืนได้อย่างสวยงาม
นี่คือโหมดแมนวลที่ให้อำนาจการควบคุมทุกอย่างกับตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งความเร็วชัตเตอร์ ค่ารูรับแสง ISO ไวท์บาลานซ์ การวัดแสง เราต้องปรับจูนด้วยตัวเองทั้งหมด ต้องมีความเข้าใจพื้นฐานการทำงานของกล้องเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการถ่ายภาพขั้นสูง ถ่ายในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย หรือต้องการสร้างสรรค์ภาพที่แตกต่างไปจากมาตรฐาน โหมดอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติอาจทำไม่ได้
นอกจาก 5 โหมดพื้นฐานแล้ว ยังมีโหมดเฉพาะทาง (Scene Modes) ที่มีสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น คน ภูเขา ดอกไม้ เป็นต้น คือโหมดอัตโนมัติที่กล้องจะปรับค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ให้เหมาะกับฉากนั้น ๆ มากที่สุด เช่น
โหมดอัตโนมัติเต็มรูปแบบ กล้องควบคุมทุกอย่างเหมือน Auto ปกติ แต่ไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้เลย แม้แต่แฟลช
ใช้ถ่ายภาพบุคคล เน้นให้ใบหน้าชัดเจน ฉากหลังเบลอ สีผิวออกโทนอบอุ่น
ใช้ถ่ายภาพระยะใกล้ชิด เน้นรายละเอียดของวัตถุขนาดเล็ก เช่น แมลง, ดอกไม้, อาหาร
ใช้ถ่ายทิวทัศน์ บรรยากาศกว้าง เน้นความคมชัดตั้งแต่ระยะใกล้จนไกลสุด
ใช้ถ่ายการเคลื่อนไหว กีฬา เพิ่มความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เพื่อหยุดอาการเบลอจากการเคลื่อนที่
ใช้ถ่ายบุคคลในเวลากลางคืน ใช้แฟลชเป็นหลัก หรือเปิดชัตเตอร์นานขึ้น เพื่อเก็บแสงไฟหรือท้องฟ้ายามค่ำคืน
โหมดเฉพาะทางเหล่านี้ เรามักจะปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมไม่ได้มากนัก ภาพที่ได้ก็อาจจะดูธรรมดาและซ้ำ ๆ กันไปหน่อย
ถ้าต้องการสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง ควรศึกษาวิธีใช้งานโหมด PASM (Program, Aperture Priority, Shutter Priority, Manual) ให้เข้าใจและคุ้นเคย รวมถึงฝึกปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ จะทำให้เราสามารถควบคุมการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างอิสระและหลากหลายมากยิ่งขึ้น
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 091-1206831
รับทำ seo By Seo Mutelu